623 จำนวนผู้เข้าชม |
แซนเซแป๊ะ วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ หรือปัจจุบันที่นักอ่านและนักเขียนหลายท่าน รู้จักกันดีในฐานะเจ้าของเพจสรุปให้ วิทยากร และนักเขียน Best Seller อดีตคือวิศวกรหนุ่ม ผู้มีความชัดเจนกับตัวเองว่าอยากเป็นนักเขียน ซึ่งก่อนจะมาเป็นนักเขียน Best Seller เซนเซแป๊ะก็เคยผ่านประสบการณ์การเขียนหนังสือเล่มแรกมาก่อน ก่อนที่จะมีผลงานติดอันดับหนังสือขายดีอีกหลายเล่มต่อ ๆ มา บทสัมภาษณ์นี้นับว่าเป็นโอกาสดีมาก ๆ ของสำนักพิมพ์วิช ผู้อ่านและนักเขียน ที่เซนเซแป๊ะให้เกียรติมาบอกเล่าถึงเส้นทางการเป็นนักเขียน และเทคนิคการเขียนหนังสือให้ดี และติดอันดับหนังสือขายดีอีกด้วย
แรงบันดาลใจในการเริ่มเขียนหนังสือ
จริง ๆ เป็นคนที่ชอบเขียนบทความ เขียนอะไรมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ แต่พอมาประกอบอาชีพวิศวกรได้สักระยะ เราก็หลงลืมเสน่ห์ของการเขียนหนังสือไป เพราะว่าด้วยเนื้องานของเราจะต้องมีตัวเลข มีข้อมูล ต้องสรุปอะไรให้มันเข้าใจง่าย แต่พอเราได้กลับมาคุยกับตัวเองแล้วว่า “ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ เราอยากเป็นอะไร ?” และได้คำตอบ “ว่าอยากเป็นนักเขียน” และเราก็รู้สึกว่าทุกครั้งที่เราได้เขียน เหมือนเราได้อยู่กับตัวเอง เหมือนเราได้รู้จักกับตัวเองมากขึ้น ก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้รู้สึกว่าอยากที่จะเป็นนักเขียนครับ
ความรู้สึกตอนเริ่มเขียนผลงานหนังสือเล่มแรก
ต้องบอกว่า ถ้าเราไม่ทราบเลยว่าการเขียนหนังสือ มันต้องเริ่มยังไง หลายคนจะรู้สึกว่ามันยากมาก ฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องเริ่มตั้งต้นยังไง แต่ว่าในความเป็นจริงถ้าเรารู้วิธีการ เรารู้หลักการ มันง่ายกว่าที่คิดครับ แล้วก็ผมเชื่อว่ามีสำนักพิมพ์หลาย ๆ เจ้า อย่าง Wish เองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ ผมคิดว่าเป็นสำนักพิมพ์ที่น่ารักมาก ๆ เลย ที่สามารถจะแนะนำวิธีการ แล้วก็แนะนำไอเดียที่จะเขียนหนังสือที่ดี แล้วก็ขายดีได้ด้วย แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าคุณรู้มันก็จะไม่ยากอย่างที่คิดครับ
วิธีการเขียนหนังสือสักเล่มได้สำเร็จ
คือการจะเป็นหนังสือสัก 1 เล่ม สิ่งสำคัญกว่าความรู้คือความตั้งใจ เพราะว่าคุณไม่สามารถที่จะเขียนหนังสือ 1 เล่ม ได้ภายใน 1 วัน อาจจะมียอดมนุษย์ที่ทำแบบนั้นได้ แต่ในความเป็นจริง เช่น หนังสือขนาด A5 ที่หนาประมาณ 200-240 หน้า มันคือต้นฉบับขนาด A4 ที่คุณใช้ฟอนต์ 14 หรือ ฟอนต์ 16 ในการพิมพ์ทั่วไปอาจจะอยู่ที่ 60-120 หน้า เพราะฉะนั้นการที่คุณจะเขียนให้มันได้เท่านั้น มันใช้แรงใจ และใช้ความสม่ำเสมอค่อนข้างมาก ถ้าคุณเขียน ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เขียนแล้ววาง โอกาสที่จะออกมาเป็นหนังสือเล่ม มันก็ไม่ได้ง่ายเท่าไร แต่ถ้าคุณมีความมุ่งมั่นว่า ฉันอยากจะทำมันออกมาให้สำเร็จ เพื่อให้ตัวฉันเองภูมิใจ ส่งมอบคุณค่า ความรู้ จินตนาการ (ถ้าคุณเป็นนักเขียนวรรณกรรม) ให้กับใครสักคนหนึ่งที่เขาได้อ่านและตื่นเต้นไปกับคุณด้วย ผมคิดว่าคุณจะทำมันได้ ถ้าคุณมีความตั้งใจมากพอครับ
เทคนิคการเขียนหนังสือสไตล์เซนเซแป๊ะ
สำหรับผมเอง เทคนิคของผม คือ เน้นให้มันเข้าใจง่าย เน้นให้อ่านแล้วร้อง อ๋อ ด้วยอาชีพหนึ่งของผมก็คือเป็นวิทยากร ผมก็จะมองว่า คนอ่านต้องได้ความรู้ โดยที่เขาสามารถเอาไปทำตามแล้วได้ผลลัพธ์จริง ๆ เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องของผม แน่นอนว่ามันมีความเป็นวิชาการอยู่บ้าง แต่ว่าเราจะต้องพยายามถ่ายทอด ให้เรื่องนั้น ๆ รู้สึกว่า เออ มันง่ายกว่าที่คิด แล้วสามารถทำได้ เรื่องที่ผมใช้บ่อย ๆ ก็จะมี 3 ส่วน
ส่วนแรก คือ ใช้ภาพประกอบ เพื่อให้เกิดจินตนาการ ทำให้เห็นภาพง่ายขึ้น
ส่วนที่สอง คือ ใช้ Research งานวิจัย หรือสถิติ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสิ่งที่ผมกำลังพูดถึง
ส่วนที่สาม คือ ใช้เรื่องเล่า ที่ทำให้คนรู้สึกว่า เขาสามารถจะสนุกไปกับตัวหนังสือได้
คือความเชื่อของผมอย่างหนึ่งก็คือว่า ถ้าเขาอ่านไม่จบ เขาก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ เพราะฉะนั้น หน้าที่ของนักเขียน ก็คือ ต้องทำให้ผู้อ่านได้ความรู้ ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องเกิดความรู้สึกอยากรู้ โดยรู้สึกว่าฉันอยากจะเปิดหน้าต่อไป ถ้าคุณออกแบบ พวกนี้ได้ดี คุณก็สามารถเป็นนักเขียนที่ดีได้ครับ
ฝากถึงนักเขียนที่อยากมีผลงานหนังสือสักเล่ม
ผมก็เริ่มต้นจากเล่มแรกที่เขียนเพราะความเป็นนักอยากเขียน แต่ก็พาตัวเองมาเขียนเล่มสอง เล่มสาม เล่มสี่ เล่มห้า เล่มปัจจุบันก็คือเล่มที่แปด แล้วก็จะมี เก้า สิบ สิบเอ็ด ไปเรื่อย ๆ ครับ มียอดขายก็ดีประมาณหนึ่งครับ ทุกคนเริ่มต้นจากการเป็นนักอยากเขียนครับ ขอแค่คุณอยากแบ่งปัน ขอแค่คุณอยากถ่ายทอด ขอแค่คุณมีความฝันว่า เฮ้ย วันหนึ่งฉันอยากจะเห็นหนังสือตัวเองอยู่ในร้านหนังสือ อยากจะเห็นหนังสือของฉันมันขึ้นไปอยู่บนอันดับหนังสือขายดี เห็นใครสักคนหนึ่งถือมันออกจากร้าน แค่นั้นคุณก็มีความสุขแล้วครับ ผมว่าขอแค่คุณเป็นนักอยากเขียน แล้วก็ลงมือทำเลย คุณจะได้เป็นนักเขียนแน่นอน ส่งกำลังใจให้ครับ
แซนเซแป๊ะ วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์
Founder เพจสรุปให้
วิทยากร และนักเขียน Best Seller